
หลังลงไปลุยตลาดบ้านระดับกลางได้พักใหญ่ หนึ่งในผู้นำบ้านจัดสรรระดับไฮเอนด์อย่างแสนสิริปีนี้ไม่เพียงกลับมารุกตลาดบ้านหรู แต่ยังคงไม่ทิ้งตลาดกลางที่กำลังติดลมบนเพราะความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่ลูกค้ามีให้ โดยเตรียมเปิดตัว 21 โครงการใหม่
นำด้วยบ้านเดี่ยวโครงการนาราสิริ พุทธมณฑล สาย 1 ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 16-17 มี.ค. และจะตามมาด้วยบ้านเดี่ยวโครงการแรกในจังหวัดภูเก็ต “บุราสิริ เกาะแก้ว” และบ้านเดี่ยวในโครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-จรัญ 2 ในเดือนมีนาคมนี้
“ปีนี้บริษัทมีแนวทางที่ชัดเจนในการรุกพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ เพื่อมุ่งขยายฐานการดำเนินธุรกิจให้เติบโตตามแผน 6 กุญแจสำคัญที่จะผลักดันสู่เป้าหมาย ได้แก่ การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบรับทุกความต้องการและครอบคลุมทุกเซกเมนต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการรุกพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดที่มีความน่าสนใจ โดยในปีนี้จะรุกพัฒนาบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ “นาราสิริ” อีกครั้ง เพื่อให้ครอบคลุมและตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนมากยิ่งขึ้น โดยเตรียมเปิดตัวนาราสิริ 4 โครงการใหม่ ในทำเลศักยภาพ ได้แก่ บางนา/พุทธมณฑลสาย 1/พระราม 2 และศรีนครินทร์” เมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระบุ
โครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ของแสนสิรินั้น นอกจากจะให้ความสำคัญในเรื่องของทำเลที่ตั้งซึ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขยับขยายที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม จากเดิมที่เคยอยู่ใจกลางเมืองแต่ไม่มีบ้านที่มีบริเวณสำหรับความเป็นส่วนตัว โดยรูปแบบของแต่ละโครงการนั้นสร้างให้เข้ากับเรื่องราวของแต่ละพื้นที่
ขณะที่โซนพื้นที่สีเขียวอย่างฝั่งพุทธมณฑลนั้น โครงการนาราสิริ พุทธมณฑลสาย 1 ถูกวางแนวคิดไว้ที่ความงดงามบนทุก ๆ รายละเอียดที่สะท้อนการใช้ชีวิตอย่างพิถีพิถัน แบบบ้านสไตล์ออร์แกนิค อาร์คิเทคเจอร์ บ้านที่ออกแบบให้มีจังหวะของพื้นที่ทั้งภายนอกและภายในได้เป็นอย่างดี ตัวบ้านสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมอย่างกลมกลืน แนวคิดของสถาปนิกชื่อดังผู้เป็นตำนานของโลกอย่างแฟรงค์ ลอยด์ ไรต์ ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดูเหมาะกับทุกฤดูกาลต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว และที่สำคัญยังคงทันสมัยแม้เวลาจะผ่านไปจึงเป็นแรงบันดาลใจหลัก
งานสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่นำเอาวัฒนธรรม ภูมิประเทศ ภูมิอากาศของแต่ละพื้นที่มาออกแบบได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยผังโครงการ ที่ทำให้บ้านทุกหลังเป็นบ้านแปลงมุมสวยโดดเด่นในทุก ๆ หลัง พร้อมสะท้อนสัจจะแห่งวัสดุ ด้วยวัสดุที่ล้วนแล้วมาจากธรรมชาติ อย่างไม้จริง หินจริง ผนวกเข้ากับผลงานการออกแบบในช่วงแรกของไรต์ที่มีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า “Prairie Houses” ซึ่งเป็นแนวคิดที่เน้นเรื่องเทคนิคแบบสอดผสาน ทำให้พื้นที่มีความเคลื่อนไหว และเชื่อมโยงภายนอกและภายในได้อย่างลงตัว
พร้อมสวนส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 1 ไร่ สร้างความร่มรื่นและเขียวชอุ่ม สอดคล้องกับแนวคิด อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้กลมกลืน เต็มอิ่มกับส่วนต้อนรับและคลับเฮาส์ขนาดใหญ่ ที่โอ่โถงและหรูหรา แยกส่วนเป็น Open area กับ Close area เพิ่มพื้นที่ใช้สอยเป็นห้องพักผ่อนหรือห้องสันทนาการสำหรับทุกกิจกรรมทุกรูปแบบ
ส่วนโครงการนาราสิริ พระราม 2 ถูกวางคอนเซปต์การผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันตกและตะวันออก โดยตรงกับสมัยรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อให้ตรงกับเอกลักษณ์ของพื้นที่ ขณะที่นาราสิริ บางนา รูปแบบบ้านสไตล์อเมริกัน ลักชัวรี่กับหน้าจั่วหลังคาที่บ่งบอกถึงความคลาสสิก พร้อมดีไซน์ช่องแสงที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และการใช้หินธรรมชาติมาประดับตกแต่งเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นให้กับบ้าน
นอกจากบ้านแล้วในส่วนของคลับเฮาส์ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษเช่นกัน อย่างคลับเฮาส์ของนาราสิริ บางนาไม่เพียงได้รับแรงบันดาลใจมาจากโบสถ์เซ็นปีเตอร์ผสมผสานกับทำเนียบขาว ที่มีเสาโคลอนเนดอันโดดเด่นเท่านั้น แต่ในยามค่ำคืนคลับเฮาส์ที่ว่ายังโดดเด่นด้วยความลงตัวของแสงและเงาแตกต่างจากคลับเฮาส์อื่น ๆ ที่เคยเห็นทั่วไปด้วย
นอกจากโครงการในกลุ่มแบรนด์นาราสิริ ที่มีระดับราคา 15 – 100 ล้านบาทแล้ว แสนสิริยังมีแผนที่จะเปิดตัวบ้านในแบรนด์อื่น ๆ ด้วยทั้งเศรษฐสิริ ที่มีระดับราคา 6-20 ล้านบาท กลุ่มแบรนด์บุราสิริ ที่มีระดับราคา 5-10 ล้านบาท แบรนด์สราญสิริ ระดับราคา 4-8 ล้านบาท และแบรนด์ฮาบิเทีย ระดับราคา 3.5-8 ล้านบาท รวมทั้งบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3 ล้านบาท ที่บริษัทมีแผนเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในปีนี้
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ “ทาวน์ อเวนิว” ภายใต้ระดับราคา 4-6 ล้านบาท ซึ่งยังคงใช้เป็นหัวหอกหลักที่จะเปิดตัวในทำเลต่าง ๆ รวมทั้งยังเดินหน้าเปิดตัวทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ฮาบิทาวน์ ในระดับราคา 2-3 ล้านบาท ในทำเลต่าง ๆ รอบกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งทาวน์เฮาส์ในระดับราคา 1.5 ล้านบาท ในทำเลที่ใกล้แหล่งงาน เช่น นิคมอุตสาหกรรมในทำเลปทุมธานี และวงแหวนกาญจนาภิเษก หรืออยู่ใกล้แหล่งเมืองเก่า เช่น ประชาอุทิศหรือสำโรงเป็นต้น โดยเตรียมเปิดเผยแบรนด์ใหม่ในปีนี้เช่นเดียวกัน.