
สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Constructions Association: THCA) สำรวจภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัดระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2556 พบว่า ตลาดรับสร้างบ้านหรือความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่กำลังซื้อฟื้นตัวอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะความต้องการสร้างบ้านในพื้นที่ที่เคยได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากมหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพฯ ตอนบน นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา ขณะที่ตลาดรับสร้างบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัด ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ก็มีการขยายตัวและมีกำลังซื้อเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
ในช่วงท้ายไตรมาสแรก บรรดาผู้ประกอบการได้ออกมาส่งสัญญาณให้ผู้บริโภคทราบว่า จะมีการปรับราคาบ้านเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 2-4 ในไตรมาสสองเป็นต้นไป เหตุเพราะได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มว่าผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุจะปรับราคาในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะมีปริมาณความต้องการใช้วัสดุเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากการลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐในช่วงครึ่งหลังปีนี้
สภาวการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ มียอดขายเติบโตกันถ้วนหน้า โดยเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วพบว่า มีสัดส่วนการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40
นอกจากนี้ ปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวได้ดีในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา เป็นเพราะ 1) กำลังซื้อในพื้นที่ที่เคยชะลอตัวกลับสู่ภาวะปกติ 2) ฐานลูกค้าบริษัทรับสร้างบ้านขนาดใหญ่ขึ้นจากการขยายการให้บริการออกไปยังภูมิภาค และ 3) ความกังวลของผู้บริโภคว่าราคาบ้านจะปรับตัวสูงขึ้นช่วยเร่งการตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้น
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไตรมาสแรกขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้างก็เติบโตได้ดีเช่นกัน สำหรับไตรมาสสองนี้ประเมินว่า ภาพรวมอสังหาฯ จะยังมีการลงทุนเพิ่มทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาดบ้านสร้างเอง ในปี 2556 คาดว่ามีมูลค่ารวมทั่วประเทศประมาณ 1.2-1.3 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดรับสร้างบ้าน คาดว่าจะมีส่วนแบ่งประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ ซึ่งเติบโตกว่าปีที่แล้วประมาณร้อยละ 12-15
สำหรับภาวการณ์แข่งขันในช่วงไตรมาสสองนี้ ประเมินว่าจะเป็นการแข่งขันกันเฉพาะในกลุ่มผู้นำตลาด 3-4 ราย และเชื่อว่าจะมีการชิงแชร์ตลาดภูมิภาคหรือต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสาน เช่น พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี ปากช่องหรือโคราช ฯลฯ ขณะที่ผู้ประกอบการรายกลางรายเล็ก ส่วนใหญ่ไม่เน้นแข่งขันหรือทำตลาดในช่วงไตรมาสสอง แต่จะทำตลาดกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า
ช่วงไตรมาสสองนี้ คาดว่าความต้องการสร้างบ้านหรือตลาดบ้านสร้างเอง ในต่างจังหวัดยังขยายตัวหรือเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสแรก หากผู้ประกอบการรับสร้างบ้านยังสามารถขยายการให้บริการ หรือเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้ดีขึ้น ก็เชื่อว่าจะสามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดบ้านสร้างเองได้เพิ่มตามกัน โดยเฉพาะระดับราคาบ้าน 1.5-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาบ้านที่ผู้บริโภคต่างจังหวัดมีความต้องการมากที่สุด.